วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

มัสยิด




มัสยิด (อาหรับمسجد‎ มัสญิด)       หรือ สุเหร่า (มาเลย์Surau

เป็นศาสนสถานของชาวมุสลิม คำว่า มัสญิด เป็นคำภาษาอาหรับแปลว่า สถานที่กราบ ชาวมุสลิมในแต่ละชุมชนจะสร้างมัสยิดขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา อันได้แก่การนมาซ และการวิงวอน การปลีกตนเพื่อบำเพ็ญตบะ หาความสันโดษ (อิอฺติกาฟ และ คอลวะหฺ)
นอกจากนี้มัสยิดยังเป็นโรงเรียนสอนอัลกุรอาน และศาสนา สถานที่ชุมนุมพบปะ ประชุม เฉลิมฉลอง ทำบุญเลี้ยง สถานที่ทำพิธีสมรส และสถานที่พักพิงของผู้สัญจรผู้ไร้ที่พำนัก โดยที่จะต้องรักษามารยาทของมัสยิด เช่นการไม่คละเคล้าระหว่างเพศชายและหญิง การกระทำที่ขัดกับบทบัญญัติห้ามของอิสลาม (ฮะรอม) ทั้งมวล




                           

ศาสนสถานของศาสนาอิสลามที่สำคัญ


  • อัลมัสญิด อัลฮะรอม (มัสญิดต้องห้าม) ในนครมักกะหฺ อันเป็นที่ตั้งของกะอฺบะหฺมะกอมอิบรออีม (รอยเท้าของศาสดาอิบรอฮีม) ข้าง ๆ นั้นเป็น เนินเขา อัศศอฟา และ อัลมัรวะหฺ อ้ลมัสญิด อัลฮะรอม เป็นสถานที่นมาซประจำวัน และสถานที่บำเพ็ญฮัจญ์ เพราะยามที่มุสลิมประกอบพิธีฮัจญ์ต้องฏอวาฟรอบกะอฺบะหฺ นมาซหลังมะกอมอิบรอฮีม และเดิน(สะอฺยุ)ระหว่างอัศศอฟา และ อัลมัรวะหฺ
  • รองลงมาคือ อัลมัสญิด อัลนะบะวีย์ คือมัสญิดของศาสนทูตมุฮัมมัด ซึ่งมีร่างของท่านฝังอยู่
  • อัลมัสญิด อัลอักศอ เป็นมัสญิดที่มีความสำคัญทางประวัติศาตร์อิสลาม เพราะศาสนทูตมุฮัมมัดได้ขึ้นสู่ฟากฟ้า (มิอฺรอจญ์) จากที่นั่น















    ที่มาของเนื้อหา:https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%94

    ที่มาของวิดีโอ:

    https://www.youtube.com/watch?v=X--OYaJhFJQ

    10 สุดยอดนักรบในตำนาน ผู้มีฝีมือฉกาจจนไม่อาจมีใครต้านทานได้





    ในอดีตกาลการก่อเกิดสงครามที่เป็นประวัติศาสตร์ระหว่างมวลมนุษยชาติ นั้นก่อให้เกิดนักรบที่มีความแข็งแกร่งขึ้นมากมาย แต่ในบรรดานักรบเหล่านั้นย่อมมีบุคคล หรือกลุ่มคนที่มีฝีมือฉกาจไร้เทียมทานเหนือผู้อื่นถือกำเนิดขึ้น
    และในวันนี้เราจึงขอนำเสนอ 10 ยอดนักรบในตำนาน ที่มีฝีมือการสังหารแบบขั้นเทพ ที่ศัตรูต่างต้องหวาดผวา และไม่อยากพบเจอ ให้เพื่อนๆ ได้ชม พวกเขาเหล่านั้นจะเป็นใครกันบ้าง ไปดูพร้อมๆ กันเลย

                                   10. Maori Warriors

    10 ยอดนักรบในตำนาน ผู้มีฝีมือฉกาจไร้เทียมทานจนไม่มีใครต้านทานได้
    นักรบชาวเมารี ชนเผ่าพื้นเมืองของนิวซีแลนด์ มีการข่มขวัญศัตรูด้วยการตะคอกเสียงดัง และแลบลิ้น เป็นนักรบที่มีพละกำลังมหาศาล พวกเขาเชื่อว่าการทำสงครามนั้นคือความศักดิ์สิทธิ์ ในอดีตจึงมีการกินร่างของศัตรูเพื่อดูดกลืนพลังมาเป็นของตนเอง


                   9. Knights

    10 ยอดนักรบในตำนาน ผู้มีฝีมือฉกาจไร้เทียมทานจนไม่มีใครต้านทานได้ (2)
    อัศวินแห่งยุโรป ผู้มีร่างกายขนาดมหึมาที่ห่อหุ้มไปด้วยเกราะเหล็ก แม้จะเคลื่อนไหวได้ไม่เร็วเท่าไรนัก แต่ทักษะการต่อสู่บนหลังม้าของพวกเขานั้นเป็นสิ่งที่ศัตรูไม่อาจต้านทานได้ พวกเขาเป็นกลุ่มนักรบที่ยึดถือศักดิ์ศรีเป็นที่สุด โดยมีคำปฏิญาณว่า ‘ปกป้องคนอ่อนแอไม่มีทางสู่ ช่วยผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ และต่อสู้เพื่อความผาสุข’

                                   8. Roman Legion

    10 ยอดนักรบในตำนาน ผู้มีฝีมือฉกาจไร้เทียมทานจนไม่มีใครต้านทานได้ (3)
    นักรบโรมัน ซึ่งพัฒนามาจากนักรบกรีก พวกเขามีเกราะ และอาวุธโจมตีระยะไกล อีกทั้งยังมีกลยุทธ์ทางการรบอันชาญฉลาด เช่น การโจมตีจากระยะไกลด้วยหอกยาว  การตั้งกำแพงโล่ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้นักรบโรมันนั้นสามารถขยายอาณาเขตออกไปได้กว้างไกล

      

            7. Mongol Warriors

    10 ยอดนักรบในตำนาน ผู้มีฝีมือฉกาจไร้เทียมทานจนไม่มีใครต้านทานได้ (4)
    นักรบมองโกล ชนเผ่าคนเถื่อนที่สามารถล้มล้างจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างจีนได้ พวกเขามีพลังมาก มีการข่มขวัญศัตรู โดดเด่นเรื่องความฉลาดในการวางแผนการรบทั้งด้านกลยุทธ์และจิตวิทยา พวกเขาจะเคลื่อนทัพขนาดใหญ่ที่พร้อมด้วยเสบียง ที่พัก และกำลังคนสารพัดตำแหน่ง อีกทั้งยังมีทักษะการขี่ม้า และยิงธนูที่ยอดเยี่ยมซึ่งยากต่อการตั้งรับเป็นอย่างมากหากศัตรูมีเพียงแค่ทหารกองราบเท่านั้น


                                  6. Apache Warriors

    10 ยอดนักรบในตำนาน ผู้มีฝีมือฉกาจไร้เทียมทานจนไม่มีใครต้านทานได้ (5)
    นักรบจากชนเผ่าอาปาเช่ เป็นนักรบชาวอินเดียนแดงที่ผู้คนต่างหวาดผวา เพราะพวกเขามีกลยุทธ์ในการรบแบบซุ่มโจมตีเหมือนกองโจร ซึ่งถูกฝึกให้อยู่กับที่ห้ามเคลื่อนไหวหรือส่งเสียงใดๆ ทั้งสิ้น แถมยังฝึกเรื่องการอดนอน พรางตัว และลอบสังหาร ตั้งแต่เด็ก จึงไม่แปลกที่ศัตรูนั้นจะถูกสังหารโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว


           5. Ninja Warriors

    10 ยอดนักรบในตำนาน ผู้มีฝีมือฉกาจไร้เทียมทานจนไม่มีใครต้านทานได้ (6)
    นินจา นักรบผู้มาพร้อมกับความลึกลับที่สุดในประวัติศาสตร์ พวกเขาคือยอดซามูไรที่ทำการซุ่มโจมตีแบบกองโจร ซึ่งช่ำชองเรื่องการพรางกาย และลอบสังหาร พวกเขาอาจจะมาในรูปแบบของสายลับที่ปะปนอยู่ในกลุ่มคนทั่วๆ ไป หรือกับคนในบ้านของศัตรู ดังนั้นศัตรูจึงไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าชะตาชีวิตของตนเองนั้นกำลังจะถึงฆาต

     

                                   4. Samurai Warriors

    10 ยอดนักรบในตำนาน ผู้มีฝีมือฉกาจไร้เทียมทานจนไม่มีใครต้านทานได้ (7)
    ซามูไร ยอดนักรบที่มีความเก่งกาจระดับต้นๆ ของโลก นอกจากพวกเขาจะมียอดอาวุธอย่างดาบคะตะนะแล้ว ยังมีการฝึกสมาธิขั้นสูง การดวลดาบที่ดุเดือดของพวกเขามาจากความนิ่งของจิตใจ และสามารถปลิดชีพของศัตรูได้เพียงเสี้ยววินาทีด้วยความนิ่งสุดๆ ของพวกเขาที่อ่านทางยากมากๆ

     

             3. Viking Warriors

    10 ยอดนักรบในตำนาน ผู้มีฝีมือฉกาจไร้เทียมทานจนไม่มีใครต้านทานได้ (8)
    นักรบไวกิ้ง ตำนานสุดสยองขวัญแห่งยุโรป ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความป่าเถื่อน และการฆ่าโดยปราศจากความปราณี ประจวบกับร่างกายอันกำยำ และใหญ่โตมากๆ อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยทักษะการล่องเรือแบบขั้นเทพ



                              

                                2. The Mamluks Warriors

    10 ยอดนักรบในตำนาน ผู้มีฝีมือฉกาจไร้เทียมทานจนไม่มีใครต้านทานได้ (9)
    นักรบแมมลุค ยอดนักรบแห่งราชวงศ์อียิปต์ และซีเรีย ช่วงปี ค.ศ. 1250-1517 เดิมทีพวกเขาถูกกระทำเยี่ยงทาสของกษัตริย์ที่ต้องรบจนตัวตายเพื่อเจ้านาย ดังนั้นพวกเขาจึงถูกฝึกให้ต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายโดยไม่คิดชีวิตมาตั้งแต่ยังเด็ก จนกลายมาเป็นสุดยอดกองทหารผู้แข็งแกร่งในที่สุด


        1. Spartans Warriors

    10 ยอดนักรบในตำนาน ผู้มีฝีมือฉกาจไร้เทียมทานจนไม่มีใครต้านทานได้ (10)
    นักรบสปาร์ตัน ผู้เป็นสุดยอดตำนานของตำนานนักรบ เล่ากันมาว่า พวกเขาจะคัดเลือกเฉพาะคนที่แข็งแกร่งเท่านั้น และฝึกให้รบตั้งแต่ยังเด็ก ความแข็งแกร่ง ทน อึด ของร่างกาย บวกกับทักษะการใช้พื้นที่สมรภูมิให้เป็นประโยชน์ จึงทำให้พวกเขาสามารถโค่นศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าหลายเท่าได้อย่างสบายๆ
    และทั้งหมดนี้ก็คือ 10 สุดยอดนักรบฝีมือขั้นเทพในตำนาน เพื่อนๆ ชื่นชอบนักรบกลุ่มไหนกันบ้าง? หรือว่ามียอดนักรบกลุ่มอื่นๆ มาเพิ่มเติมอีก ก็อย่าลืมแชร์ความคิดเห็น





    แหล่งที่มาเนื้อหา:https://daily.rabbit.co.th/10-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99
    แหล่งทีมาของวิดิโอ:https://www.youtube.com/watch?v=PMRfmkU33Xo

    วันฮารีรายอ วันสำคัญของศาสนาอิสลาม

      
     ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เราจะได้ยินข่าวว่า ชายแดนใต้เตรียมคุมเข้ม เกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นในวัน "ฮารีรายอ" ของชาวมุสลิมที่ในปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา เชื่อแน่ค่ะว่า ชาวไทยส่วนใหญ่ซึ่งเป็นชาวพุทธคงไม่ค่อยคุ้นชื่อ "ฮารีรายอ" กันซักเท่าไหร่ พร้อมยังสงสัยว่าคือ วันดังกล่าว คือ วันอะไรและมีความสำคัญอย่างไร วันนี้กระปุกดอทคอมขออาสานำความรู้เกี่ยวกับวันฮารีรายอ ความสำคัญ พิธีกรรม และสาระน่ารู้อื่น ๆ มาฝากกันค่ะ รายละเอียดตามข้างล่างนี้เลยจ้า

               "ฮารีรายอ" (Hari Raya) เป็นภาษามลายูปัตตานี ส่วนในภาษามลายูกลาง แปลว่า วันใหญ่ หรือ วันอีด เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ของชาวมุสลิม โดยก่อนวันงาน ชาวมุสลิมจะออกมาจับจ่ายซื้อของ เสื้อผ้า และหมวกกะปิเยาะ เพื่อเตรียมต้อนรับเทศกาลฮารีรายอกันอย่างคึกคัก และในวันดังกล่าวชาวมุสลิมจะไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน เพื่ออภัยต่อกันในสิ่งที่ผ่านมา มีการแสดงออกด้วยการสวมกอด การจูบมือ การหอมแก้มทั้งสองของพ่อแม่ เป็นการแสดงความรัก ลูกหลานที่อยู่ต่างภูมิลำเนาต่างกลับบ้าน เมื่อมาขออภัยและอำนวยพรให้พ่อแม่ ทุกครัวเรือนจะมีความอบอุ่นไปด้วยบรรดาลูก ๆ หลาน ๆ กลับบ้านโดยพร้อมเพรียงกัน

               ช่วงเวลา ในรอบปีหนึ่ง ชาวมุสลิม มีวันฮารีรายอ 2 ครั้ง คือ

               1) อีดิลฟิตรี ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือนเชาวาล ซึ่งเป็นเดือน 10 ตามปฏิทินอิสลาม ซึ่งเป็นวันออกบวช

               2) อีดิลอัฏฮา ตรงกับวันที่ 10 เดือน ซุลฮิจญะ หรือตรงกับเดือน 12 ของปฏิทินอิสลาม ซึ่งเป็นการฉลอง วันออกฮัจญ์ หรือ ถือเป็นวันครบรอบการถือศีลอดของเดือนรอมฎอน

    ความสำคัญ

               วันฮารีรายอ เป็นวันรื่นเริงประจำปี ชาวมุสลิมจะไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน เพื่ออภัยต่อกันในสิ่งที่ผ่านมา เป็นวันที่ทุกคนมีความสุขมาก มุสลิมจะมีการประกอบพิธีกรรมพร้อมเพรียงกันทั่วโลก ในวันอีดีลฟิตรี มุสลิมทุกคนจะต้องจ่ายซะกาตฟิตเราะห์ บริจาคทานแก่คนยากจนอนาถา ส่วนในวันอีดิลอัฏฮา จะมีการเชือดสัตว์พลี แล้วจะทำ กุรบัน แจกจ่ายเนื้อเพื่อเป็นทานแก่ญาติมิตร สัตว์ที่ใช้ในการเชือดพลี ได้แก่ อูฐ วัว แพะ เป็นการขัดเกลาจิตใจของมนุษย์ให้เป็นผู้บริจาค เป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ ในวันฮารีรายอชาวมุสลิม จะเดินทางกลับภูมิสำเนาของตน มาร่วมประกอบพิธีกรรมทางศาสนาโดยพร้อมเพรียงกัน ได้พบปะ สังสรรค์กับเพื่อน ญาติพี่น้อง เพื่อจะได้ขออภัยต่อกัน













    แหล่งที่มาของเนื้อหา:https://hilight.kapook.com/view/75183
    แหล่งที่มาของวิดีโอ:
    https://www.youtube.com/watch?v=jD5pHWaj-Uo

    วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

    นาซา พบระบบสุริยะใหม่ TRAPPIST-1 มีดาวเคราะห์ 7 ดวง อาจมีสิ่งมีชีวิต



              เปิดก้าวสำคัญของมวลมนุษยชาติ นาซา ค้นพบระบบสุริยะใหม่ แทรพพิสท์-1 (TRAPPIST-1) ประกอบด้วยดาวฤกษ์ 1 ดวง และดาวเคราะห์ 7 ดวง โดยในจำนวนนี้ 3 ดวง มีโซนที่สิ่งมีชีวิตอาศัยได้

              เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560 องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซา (NASA) ได้จัดงานแถลงข่าว ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ เปิดเผยรายงานค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในวารสารเนเจอร์ (Nature) ระบุว่า กล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ ค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับโลก จำนวนทั้งหมด 7 ดวง โคจรรอบดาวฤษ์ 1 ดวง (ลักษณะคล้ายกับระบบสุริยะที่เราอาศัยอยู่ขณะนี้) โดยอยู่ห่างจากโลกออกไป 40 ปีแสง หรือประมาณ 378 ล้านล้านกิโลเมตร ในกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ

    ระบบสุริยะใหม่
              

             ระบบดังกล่าว มีชื่อเรียกว่า แทรพพิสท์-1 (TRAPPIST-1) ซึ่งมาจากชื่อของกล้องโทรทรรศน์ The Transiting Planets and Planetesimals Small Telescope (TRAPPIST) ในประเทศชิลี โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2559 นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ชื่อของ TRAPPIST ประกาศเรื่องการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ 3 ดวง ก่อนจะมีการยืนยัน การมีอยู่แค่ 2 ใน 3 และหลังจากนั้นได้ค้นพบเพิ่มอีก 5 ดวง รวมทั้งหมดเป็น 7 ดวง โดยแต่ละดวงให้ใช้ชื่อไล่ไปตั้งแต่  TRAPPIST-1b, TRAPPIST-1c..., TRAPPIST-1h โดยในจำนวนทั้งหมด 7 ดวงนี้ มี 3 ดวง ที่มีโซนที่เอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิต หรือมีความเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งมีชีวิตอาศัย พอที่จะมีน้ำเป็นของเหลวอยู่ได้ 

              โธมัส เซอร์บูเชน รองผู้บริหารกรมภารกิจวิทยาศาสตร์ ของนาซา ในกรุงวอชิงตันเผยว่า การค้นพบครั้งนี้เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่จะทำให้ใกล้ความจริงเกี่ยวกับปริศนาเรื่องการค้นพบสภาพแวดล้อมที่สิ่งมีชีวิตอาศัยได้นอกโลกของเรา เริ่มตอบคำถามที่ว่า มีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกโลกของเราหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะเป็นจำนวนมาก แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะจำนวนมากที่มีโซนที่เอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิต 

              ทั้งนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์ยังสามารถระบุขนาดของดาวเคราะห์ในระบบ TRAPPIST-1 ได้ครบทั้ง 7 ดวงแล้ว รวมทั้งสามารถคำนวณมวลและความหนาแน่นของดาวเคราะห์เหล่านี้ได้ถึง 6 ดวง ซึ่งจากการวิเคราะห์แล้วคาดว่าเป็นดาวเคราะห์ลักษณะเดียวกับโลก

    ระบบสุริยะใหม่

              สำหรับดาวฤกษ์ในระบบ TRAPPIST-1 นี้ จัดเป็นดาวประเภทดาวแคระเย็นจัด (ultra-cool dwarf) ซึ่งแตกต่างจากดวงอาทิตย์ ด้วยความเย็นจัดนี้ ทำให้น้ำเหลวสามารถคงอยู่บนดาวเคราะห์ได้ แม้ว่าจะอยู่ใกล้มาก ซึ่งดาวเคราะห์ในระบบ TRAPPIST-1 ทั้ง 7 ดวง ล้วนอยู่ใกล้กับดาวฤกษ์ดวงนี้มากกว่า ดาวพุธ ที่เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะเสียอีก นอกจากนี้ดาวเคราะห์แต่ละดวงในระบบ TRAPPIST-1 ก็อยู่ใกล้กันมาก เทียบว่า หากยืนอยู่บนดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ก็สามารถมองเห็นดาวเคราะห์เพื่อนบ้านดวงอื่น ได้ด้วยตาเปล่า ลักษณะเดียวกับที่เรามองเห็นดวงจันทร์จากโลก แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าดวงจันทร์และสามารถมองเห็นไปจนถึงพื้นผิวทางธรณีวิทยา หรือเมฆบนชั้นบรรยากาศของดวงเคราะห์ดวงอื่น ๆ ได้เลยทีเดียว 

    ระบบสุริยะใหม่

              ด้วยระยะห่างที่ดาวเคราะห์ในระบบ TRAPPIST-1 อยู่ใกล้กับดาวฤกษ์มากเช่นนี้ ส่งผลให้อาจเกิดสภาวะ ดาวเคราะห์หันหน้าด้านเดียวไปหาดาวฤกษ์เสมอ นั่นหมายความว่า ด้านหนึ่งของดาวเคราะห์จะเผชิญกับแสงของดาวฤกษ์ตลอดเวลา เป็นกลางวันที่ไม่มีวันมืด ขณะเดียวกันอีกด้านก็จะไม่มีโอกาสได้เผชิญกับแสง เป็นกลางคืนที่มืดมิดตลอดเวลา รวมไปถึงสภาพอากาศอาจจะมีอุณหภูมิที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

              โดยหลังจากการค้นพบครังสำคัญนี้ ทางทีมนักวิทยาศาสตร์เตรียมการติดตามผล ในการศึกษาและสำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับดาวเคราะห์ในระบบ TRAPPIST-1 รวมทั้งประเมินผลของดาวเคราะห์ 3 ดวง ที่มีโซนที่เอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิต รวมไปถึงโอกาสที่จะพบสิ่งมีชีวิตบนดาวเหล่านี้ต่อไป 

    ระบบสุริยะใหม่
    ภาพสมมุติ : หากเรายืนอยู่บนดาวเคราะห์ TRAPPIST-1f



              และเนื่องในวันสำคัญแห่งการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติเช่นนี้ ทาง Google ก็ได้เปลี่ยนโลโก้ doodle ฉลองให้กับการค้นพบครั้งนี้ด้วย โดยทำออกมาเป็นภาพแอนิเมชั่นตัวการ์ตูนน่ารัก ๆ เป็นรูปโลกและมีกล้องโทรทรรศน์ ส่องออกไปพบกับระบบสุริยะใหม่ แทรพพิสท์-1 (TRAPPIST-1) ที่ประกอบไปด้วยดาวฤกษ์ 1 ดวงที่เป็นศูนย์กลางของระบบ และดาวเคราะห์ที่เป็นบริวารอีก 7 ดวง

    แหล่งข้อมูล :https://www.kapook.com/

    แหล่งที่ทมาวิดีโอ :https://www.youtube.com/watch?v=bnKFaAS30X8

    ทำได้จริงก็เจ๋งเลย ! เปิดเมืองลอยน้ำแห่งโลกอนาคต สร้างจากขยะขวดพลาสติก



              ไปทำความรู้จักกับเมืองลอยน้ำแห่งอนาคต เมืองในฝันที่เกิดมาเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะสร้างจากขยะที่เป็นขวดพลาสติกและสาหร่าย 
              นับวันพลังงานธรรมชาติที่จำเป็นมีแต่จะลดน้อยถอยลงไปทุกที ฟังแล้วก็น่าใจหายใช่ไหมล่ะคะ แต่ไม่ตกอกตกใจกันไป เพราะไอเดียและจินตนาการในการออกแบบ “Aequorea” เมืองลอยน้ำแห่งอนาคตจาก Vicent Callebaut จะทำให้เราพอใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง แม้อาคารแห่งอนาคตที่ว่านี้ยังเป็นเพียงแค่แผนที่จะสร้างเท่านั้น

              เมืองลอยน้ำแห่งนี้จะถูกสร้างขึ้นมาจากพลาสติกเหลือทิ้ง ขยะในทะเล และสาหร่ายทะเลให้มีรูปร่างคล้ายกับเรือน้ำและเรือเดินสมุทร ที่มีเมืองจุดศูนย์กลางที่เชื่อมต่อกับเมืองย่อย ๆ โดยรอบที่ห่างกันประมาณ 500 เมตร เมืองนี้สามารถบรรจุคนได้ถึง 20,000 คน  ภายในประกอบไปด้วยพื้นที่ที่เอาไว้ทำงานร่วมกัน ห้องทดลองปฏิบัติการ ห้องวิทยาศาสตร์ โรงงานรีไซเคิล โรงแรมเพื่อการศึกษา สนามกีฬา และฟาร์มเกษตรแบบผสมผสาน 







              แต่แค่ลอยน้ำอย่างเดียวคงไม่พอ ตามแนวคิดเมืองลอยน้ำแห่งนี้ยังมีโครงสร้างใต้น้ำที่เอาไว้บำบัดและบรรเทามลพิษในสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีอันชาญฉลาด ทั้งรีไซเคิลขยะในทะเลให้เกิดประโยชน์และเติมแคลเซียมคาร์บอเนตให้เป็นแห่งที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล เพื่อผลิตพลังงานที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ 

    เมืองลอยน้ำ



    เมืองลอยน้ำ

    เมืองลอยน้ำ

              โดยโครงการนี้มีไว้เพื่อมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความตึงเครียดที่ยาวนานระหว่างรัฐบาลฝั่งตะวันตกและประเทศแถบทวีปแอฟริกา จนกลายมาเป็นปัญหาด้านพลังงานในการอุปโภคและบริโภค นอกจากนี้ยังเอื้อให้แต่ละพื้นที่มีแหล่งพลังงานทางเลือกแบบพึ่งพาเป็นของตัวเอง และช่วยแก้ปัญหาความขัดของทรัพยากรน้ำมันได้อีกด้วย

    เมืองลอยน้ำ





    เมืองลอยน้ำ




              เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับไอเดียออกแบบเมืองลอยน้ำ อาคารแห่งอนาคตที่ไม่ได้มีดีแค่ความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรมเพียงอย่างเดียว แต่มันยังเป็นดินแดนในฝันที่สามารถผลิตพลังงานทางเลือกแบบพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ซึ่งช่วยปรับเปลี่ยนและผสมผสานความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้เข้ากับธรรมชาติได้อย่างแท้จริง



    ที่มาของข้อมูล:https://www.kapook.com/

    ที่มาของวิดีโอ:https://www.youtube.com/watch?v=hU1m84os6So

    หิวบ่อยก่อนเมนส์มา กินจุบจิบแบบไหนไม่อ้วน แผนลดน้ำหนักไม่พัง


            ถ้าคุณเป็นผู้หญิงในช่วงอายุที่ยังมีประจำเดือน ก็เชื่อว่าคงหนีไม่พ้นอาการหิวจุบจิบ กินแบบจัดหนักมากก่อนที่ประจำเดือนจะมาแน่ ๆ แต่ในเมื่อห้ามภาวะชวนอ้วนแบบนี้ไม่ไหว ก็กินวนไปเลยค่ะกับอาหารแคลอรีต่ำตามนี้ รับรองแผนลดน้ำหนักไม่มีสะเทือน !
            เมื่อถึงวันแดงเดือดสาว ๆ ไม่ได้แค่เหวี่ยงและวีนง่ายกว่าปกติเท่านั้น ทว่าอาการหิวหนักมาก หิวบ่อยจัดก็มักจะมาทักทายเราอยู่ทุกเดือนด้วยเหมือนกัน หลายคนจึงบ่นอุบกันเลยค่ะว่า ที่เฝ้าเพียรลดน้ำหนักมาก็เป็นอันพังพินาศเพราะอาการหิวบ่อยตอนมีประจำเดือนนี่แหละ โถ...สงสัยคงยังไม่รู้สินะว่าจริง ๆ แล้วเราสามารถแก้หิวบ่อยได้ด้วยอาหารแคลอรีต่ำเหล่านี้ แถมยังเป็นอาหารที่ช่วยบำรุงเลือดไปในตัวอีกต่างหาก
    1. ช็อกโกแลต

    วิธีแก้หิว

            สำหรับสาว ๆ แนะนำเป็นดาร์กช็อกโกแลตหรือเป็นช็อกโกแลตที่มีส่วนผสมของโกโก้แท้อย่างน้อย 70% ดีกว่าค่ะ เพราะช็อกโกแลตแท้จะช่วยปรับสมดุลอารมณ์ของสาว ๆ ให้ดีขึ้นได้ ลดอาการเหวี่ยงวีน อีกทั้งดาร์กช็อกโกแลตยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น โพแทสเซียม สังกะสี แมกนีเซียม และธาตุเหล็ก ซึ่งช่วยบำรุงเลือดของเราให้เกิดการไหลเวียนได้ดีขึ้น ที่สำคัญช็อกโกแลตยังมีคุณสมบัติช่วยลดอาการบวมน้ำระหว่างมีประจำเดือนได้อีกต่างหาก

            อ้อ ! แต่ถ้าไม่อยากให้แผนไดเอตต้องสั่นคลอน บอกเลยว่าต้องจำกัดปริมาณการกินช็อกโกแลตให้ไม่เกิน 28 กรัม หรือประมาณ 1 บาร์ไม่เล็กไม่ใหญ่

    2. ไข่ต้มสุก 1 ฟอง

    วิธีแก้หิว

            ไข่ต้มสุก 1 ฟองให้โปรตีนมากถึง 6 กรัม ในขณะที่ให้พลังงานเพียง 78 กิโลแคลอรีเท่านั้น โดยนักโภชนาการก็แนะนำให้กินของว่างเมนูนี้ช่วงก่อนเที่ยง หรือบ่ายแก่ ๆ เพราะโปรตีนในไข่ต้มจะช่วยให้รู้สึกอิ่ม และช่วยลดทอนความอยากอาหารในมื้อถัดไปได้ นอกจากนี้ไข่แดงของไข่ต้มยังอาหารมีธาตุเหล็กสูง เป็นอาหารบำรุงเลือดอีกหนึ่งชนิด

    3. ถั่วลิสงต้ม

    วิธีแก้หิว

            ถั่วเป็นของว่างที่มีโปรตีนค่อนข้างสูง เกือบเทียบเท่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์เลยทีเดียว ดังนั้นจึงช่วยบรรเทาอาการเพลีย ๆ และช่วยลดอาการหิวบ่อยของสาว ๆ ได้ชะงัด ที่สำคัญถั่วต้มยังเป็นอาหารแคลอรีต่ำ กินได้เพลิน ๆ ไม่ต้องกลัวอ้วนกันเลย

    4. อัลมอนด์

    วิธีแก้หิว

            อัลมอนด์ก็จัดอยู่ในกลุ่มถั่วเปลือกแข็งเช่นกัน ซึ่งก็แน่นอนว่าอัลมอนด์จะอุดมไปด้วยโปรตีน และนอกจากนี้ก็ยังมีทั้งไฟเบอร์และวิตามินสำคัญต่อการทำงานของร่างกาย จึงช่วยเติมพลังงานให้สาว ๆ ไม่รู้สึกเพลียเท่าไร และในเมื่อไม่เพลีย อาการหิวก็จะลดน้อยลงตามไปด้วยนั่นเอง

    5. กล้วยน้ำว้า

    วิธีแก้หิว

            กล้วยน้ำว้าแค่ 1 ผลก็ให้สารอาหารหลากหลาย โดยเฉพาะวิตามินบี 1 และ บี 2 ซึ่งเจ้าวิตามินชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยลดอาการ PMS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งในกล้วยน้ำว้ายังมีคาร์โบไฮเดรตชนิดดีต่อร่างกาย มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ พอตกเข้าไปในระบบย่อยอาหารจึงดูดซับน้ำ พองตัวและช่วยทำให้ท้องรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ที่สำคัญทั้งโพแทสเซียมและแมกนีเซียมที่อัดแน่นอยู่ในกล้วย ยังช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า ช่วยในการขับโซเดียมอันเป็นหนึ่งในตัวการที่จะทำให้ความดันเลือ­­­ดสูงออกทางปัสสาวะ และส่งผลในด้านลดการบวมของร่างกายได้อีกด้วยนะคะสาว ๆ 

    6. แตงโม

    วิธีแก้หิว

            น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้การไหลเวียนของเลือดเป็นไปอย่างไหลลื่นมากขึ้น ซึ่งหากใครไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า เลือกรับประทานแตงโมที่เป็นผลไม้ฉ่ำน้ำแทนก็ได้ค่ะ เพราะนอกจากร่างกายจะได้รับน้ำในปริมาณเพิ่มขึ้นกว่าปกติแล้ว แตงโมยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม สารอาหารสำคัญที่ช่วยลดอาการ PMS ช่วยลดอาการบวมน้ำของสาว ๆ ในช่วงที่มีประจำเดือนได้ แต่ที่ดีไปกว่านั้นคือแตงโมเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานฉ่ำ ๆ ซึ่งจะทำให้ร่างกายเราลดอาการอยากกินของหวาน ๆ ที่อาจทำให้อ้วนขึ้นไปโดยปริยาย

    7. ส้ม

    วิธีแก้หิว

            ส้มก็เป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูงใช่ย่อย อีกทั้งยังเป็นผลไม้ไฟเบอร์เยอะ ช่วยลดอาการท้องผูกที่อาจเป็นหนึ่งในอาการ PMS ของสาวบางคนได้ และส้มยังช่วยลดอาการบวมน้ำได้เวิร์กสุด ๆ ไปเลยด้วย

    8. ขนมปังโฮลวีต/โฮลเกรน

    วิธีแก้หิว

            ธัญพืชเหล่านี้ประกอบไปด้วยไฟเบอร์ในปริมาณสูงจึงช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ และด้วยเพราะมีไฟเบอร์สูงนี่ล่ะค่ะที่จะช่วยให้คุณสาว ๆ รู้สึกอิ่มอยู่ท้องได้นานขึ้น ไม่หิวบ่อย ๆ ลดการกินจุบจิบในช่วงวันนั้นของเดือนไปในตัว แต่ทั้งนี้ก็ควรกินแค่ 1-2 แผ่นแบบไม่จิ้มนม ไม่ทาแยม แต่อนุญาตให้ทาเนยถั่วเพิ่มรสชาติได้บาง ๆ 

    9. น้ำเต้าหู้ใส่เครื่อง

    วิธีแก้หิว

            ลำพังประโยชน์ของน้ำเต้าหู้เพียว ๆ ก็ให้สารอาหารกับร่างกายได้ครบ 5 หมู่อยู่แล้วนะคะ แต่สำหรับคุณสาว ๆ เราอยากให้กินเครื่องที่ใส่ในน้ำเต้าหู้ไปด้วย โดยเฉพาะแปะก๊วยที่ช่วยลดอาการ PMS ได้ ลูกเดือย ถั่วเหลือง ถั่วแดง แห้ว หรือเม็ดบัว ซึ่งจะช่วยเติมความอิ่มอยู่ท้อง และช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารอื่น ๆ ร่วมด้วย แต่ต้องไม่เติมน้ำตาลมากจนเกินไปนะคะ

    10. ฟักทองนึ่ง/เมล็ดฟักทองอบ

    วิธีแก้หิว

            ในฟักทองสีเหลืองอร่ามมีทริปโตแฟนที่จะช่วยสร้างเซโรโทนิน อันเป็นฮอร์โมนปราบความเครียด และช่วยควบคุมจิตใจให้สงบนิ่ง ลดอาการเหวี่ยงวีน อีกทั้งในเมล็ดฟักทองยังอุดมไปด้วยวิตามินเค วิตามินสำคัญของเส้นเลือด อุดมไปด้วยแร่ธาตุบำรุงเลือดอย่างธาตุเหล็ก โพแทสเซียม สังกะสี และแมกนีเซียม ซึ่งจะดีต่อสุขภาพผู้หญิงในช่วงวัยประจำเดือน

            ใครไม่อยากน้ำหนักขึ้นเพราะอาการหิวบ่อยก่อนประจำเดือนจะมา ก็พกอาหารเหล่านี้ติดกระเป๋าไว้นะคะ หิวเมื่อไรก็จัดได้เลย อ้อ ! แต่นอกจากอาหารที่ควรกินแล้วเรายังอยากเตือนสาว ๆ ไว้ด้วยว่า ก่อนประจำเดือนจะมาก็ควรเลี่ยงอาหารดังต่อไปนี้ด้วย เพราะอาจทำให้คุณหงุดหงิดง่ายกว่าเดิม และอาการ PMS รุนแรงกว่าเดิมได้

            อาหารที่ควรเลี่ยงก่อนมีประจำเดือน

    1. เนื้อสัตว์ติดมัน
    วิธีแก้หิว

            ไม่ใช่แค่ย่อยยากเท่านั้น แต่เนื้อสัตว์ติดมันยังอุดมไปด้วยไขมันอิ่มตัวที่เป็นสาเหตุตัวจี๊ดของอาการปวดประจำเดือนและการอักเสบต่าง ๆ ดังนั้นหากไม่อยากทรมานกับอาการปวดประจำเดือนก็พยายามเลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมันแล้วหันมารับประทานเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น เนื้ออกไก่ หรือปลาแทนจะดีกว่า

    2. เบเกอรี่

    วิธีแก้หิว

            อาหารเหล่านี้นอกจากจะมีน้ำตาลแล้วก็ยังเป็นอาหารที่มีไขมันทรานส์ซึ่งเป็นไขมันอันตรายอยู่ในปริมาณมากอีกด้วย และไขมันทรานส์นี่ล่ะที่เป็นตัวที่ทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนเ­­­พิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการปวดอย่างกะทันหันในมดลูก ดังนั้นในช่วงก่อนมีประจำเดือนก็หันมารับประทานขนมปังที่มีไฟเบอร์­­­สูงก่อนจะดีกว่า เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาปวดท้องทีหลังยังไงล่ะ

    3. ชา กาแฟ

    วิธีแก้หิว

            คาเฟอีนมีผลทำให้เรามีอารมณ์ฉุนเฉียวได้ง่าย และอาจเป็นตัวการให้เราใจสั่น นอนหลับกระสับกระส่าย ลามไปจนถึงร่างกายได้รับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอด้วย ซึ่งก็อาจทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลียได้ง่าย คาเฟอีนจึงเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่สาว ๆ ควรเลี่ยงให้ไกลถ้าไม่อยากเพลียตอนเป็นประจำเดือนนั่นเองค่ะ

    4. ไอศกรีม

    วิธีแก้หิว

            ไม่ใช่แค่ช่วงเป็นประจำเดือนเท่านั้นที่ควรเลี่ยงไอศกรีม เพราะจริง ๆ แล้วไอศกรีมก็เป็นอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวค่อนข้างสูง อาจทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือนในผู้หญิงบางคนได้ ดังนั้นเพื่อความสบายตัวและสบายใจ ก่อนเป็นประจำเดือนและระหว่างมีประจำเดือนก็อย่ากินไอศกรีมเลยนะคะ

    5. อาหารเค็มจัด

    วิธีแก้หิว

            โซเดียมที่แฝงอยู่ในรสชาติเค็มของอาหารคือตัวปัญหาของคุณสาว ๆ ค่ะ เพราะโซเดียมเหล่านี้จะเพิ่มอาการตัวบวมทั้งก่อนและระหว่างมีประจำเดือนได้ อีกทั้งในบางคนอาจจะรู้สึกปวดประจำเดือนหนักมากเพราะกินอาหารรสเค็มจัดได้ด้วย ฉะนั้นรู้แล้วก็เลี่ยงให้ไกลเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารแปรรูป อาหารจากร้านสะดวกซื้อ ของหมักของดอง และขนมถุง ๆ 

    6. น้ำอัดลม
    วิธีแก้หิว

            ในน้ำอัดลมมีทั้งแก๊สและคาเฟอีนเลยล่ะค่ะสาว ๆ ซึ่งก็อาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง แถมยังมีส่วนทำให้เลือดข้น ไหลเวียนได้ลำบากจนส่งผลให้อาการปวดประจำเดือนรุนแรงกันไปใหญ่ ฉะนั้นถ้ารู้ตัวว่าประจำเดือนใกล้จะมา ก็เลิกคบน้ำอัดลมเป็นการชั่วคราวก่อนแล้วกัน





    แหล่งที่มา:https://www.kapook.com/

    แหล่งที่มาวิดิโอ:https://www.youtube.com/watch?v=PFa6AdP4uVA